head prakardsod






























































แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - jiabonline

หน้า: [1]
1
โรคโลหิตจางเกิดขึ้นเมื่อจำนวนเม็ดเลือดแดงลดลงหรือปริมาณฮีโมโกลบินซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อ อวัยวะลดลง โรคโลหิตจางอาจมีตั้งแต่ระดับเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง และอาจมีสาเหตุต่างๆ เช่น การขาดสารอาหาร โรคเรื้อรัง และความผิดปกติทางพันธุกรรม
 
อาการหลักอย่างหนึ่งของโรคโลหิตจางคือความอ่อนล้า เนื่องจากเมื่อมีเม็ดเลือดแดงหรือฮีโมโกลบินไม่เพียงพอ เนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆ ของร่างกายก็จะไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอ ทำให้เกิดความเหนื่อยล้าและอ่อนแรง อาการอื่นๆ เช่น หายใจถี่ ผิวซีด เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ และหัวใจเต้นเร็ว อาการเหล่านี้อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันของบุคคลได้อย่างมาก
 
โรคโลหิตจางมีหลายประเภท โดยแต่ละประเภทมีสาเหตุที่แตกต่างกัน เช่น
โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กเป็นประเภทที่พบบ่อยที่สุดและเกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดธาตุเหล็ก ธาตุเหล็กเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างฮีโมโกลบิน ดังนั้นหากร่างกายได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ ร่างกายจะไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดแดงได้เพียงพอ โรคโลหิตจางประเภทนี้อาจเกิดจากการได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอจากอาหาร หรือภาวะที่ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก เช่น โรคซีลิแอค หรือโรคลำไส้อักเสบ
 
โรคโลหิตจางอีกประเภทหนึ่งคือโรคโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12 วิตามินบี 12 จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงที่สมบูรณ์ การขาดวิตามินบี 12 อาจเป็นผลมาจากการรับประทานอาหารไม่เพียงพอหรือปัญหาการดูดซึมอันเนื่องมาจากความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคโครห์นหรือการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ
 
โรคโลหิตจางอาจเกิดจากโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง โรคไต  โรคภูมิต้านทานตนเอง  เช่น โรคไขข้ออักเสบ โรคเหล่านี้อาจส่งผลต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงโดยตรงหรือโดยอ้อมผ่านกลไกอื่นๆ ตัวอย่างเช่น เนื้องอกมะเร็งสามารถผลิตสารที่กดการทำงานของไขกระดูก ส่งผลให้การสร้างเม็ดเลือดแดงลดลง
 
นอกจากโรคโลหิตจางประเภทนี้แล้ว ยังมีโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคเม็ดเลือดรูปเคียวและธาลัสซีเมีย ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่ส่งผลต่อโครงสร้างหรือการผลิตฮีโมโกลบิน ส่งผลให้เม็ดเลือดแดงผิดปกติ ผู้ป่วยโรคโลหิตจางประเภทนี้มักมีอาการตั้งแต่อายุน้อย
 
การวินิจฉัยโรคโลหิตจางเริ่มจากการตรวจร่างกายและประวัติการรักษา แพทย์จะทำการตรวจเลือดเพื่อวัดจำนวนเม็ดเลือดแดง ระดับฮีโมโกลบิน และเครื่องหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคโลหิตจางแต่ละประเภท เมื่อระบุชนิดและสาเหตุของโรคโลหิตจางได้แล้ว ก็สามารถเริ่มการรักษาที่เหมาะสมได้
 
การรักษาโรคโลหิตจางขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริง พบแพทย์ตรวจวินิจฉัย และรักษาทางการแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ

โลหิตจาง

2
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร UCore (SOFT GEL DIETARY SUPPLEMENT PRODUCT) ยูคอร์ (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดแคปซูลนิ่ม)



ใน 1 ซอฟท์แคปซูล ประกอบด้วย ส่วนประกอบ
น้ำมันจมูกข้าว 200 มก.
น้ำมันงา 100 มก.
น้ำมันเมล็ดงาขี้ม่อน 100 มก.
สารสกัดจากโสม 80 มก.
สารสกัดถั่งเช่า 80 มก.
ผงเห็ดชิตาเกะ 80 มก.
ผงเห็ดยามาบูชิตาเกะ 80 มก.
ผงเห็ดไมตาเกะ 80 มก.
สารสกัดจากขิง 50 มก.
สารสกัดจากพลูคาว 50 มก.
ผงเห็ดหลินจือ 50 มก.
ยีสต์เบต้ากลูแคน 85% 25 มก.
ผงโคเอนไซม์ คิวเท็น 25 มก.

Balance Ucore จดทะเบียนในชื่อ ยูคอร์ (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดแคปซูลนิ่ม)
Ucore (SOFT GEL DIETARY SUPPLEMENT PRODUCT)
เลขที่ อย. 13-1-07458-5-0233
ขนาดบรรจุ 30 แคปซูล
ราคาปกติ 1,290 บาท
ราคาพิเศษ 990 บาท
โปรโมชั่น 2 กระปุก แถม 1 กระปุก  1,800 บาท
ส่งฟรี มีบริการเก็บปลายทาง
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Ucore

3
ฝีอักเสบเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อมีการสะสมของหนอง ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของร่างกาย รวมถึงผิวหนัง เหงือก และอวัยวะภายใน ในกรณีส่วนใหญ่ ฝีที่อักเสบจะทำให้เกิดอาการบวม แดง ปวด และรู้สึกอุ่นในบริเวณที่เป็น หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อนร้ายแรงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
 
สาเหตุหลักของฝีอักเสบคือการติดเชื้อแบคทีเรีย แบคทีเรีย เช่น Staphylococcus aureus หรือ Streptococcus pyogenes สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผลหรือแตกในผิวหนังและทำให้เกิดฝีได้ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ทำให้เกิดฝีอักเสบ ได้แก่ สุขอนามัยที่ไม่ดี ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การเจ็บป่วยเรื้อรัง และการใช้ยาบางชนิด
 
อาการของฝีอักเสบมักเริ่มต้นจากการมีตุ่มหรือก้อนเล็กๆ บริเวณที่เกิดการติดเชื้อ ตุ่มอาจค่อยๆ เพิ่มขนาดและมีหนองเต็ม ขณะที่การติดเชื้อดำเนินไป ผิวหนังโดยรอบอาจมีสีแดง บวม และอ่อนโยนเมื่อสัมผัส ในบางกรณีผู้ป่วยอาจมีไข้ หนาวสั่น และเหนื่อยล้าร่วมด้วย
 
หากสงสัยว่ามีฝีอักเสบ สิ่งสำคัญคือต้องไปพบแพทย์ทันที แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและอาจสั่งการตรวจวินิจฉัย เช่น การตรวจเลือดหรือการศึกษาภาพเพื่อยืนยันการวินิจฉัย การรักษาฝีที่อักเสบมักเกี่ยวข้องกับการระบายหนองออกจากบริเวณที่ติดเชื้อ และการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ  อาหารเสริม ucore สรรพคุณสารสกัดจากธรรมชาติ ช่วยเรื่องภูมิคุ้มกัน สอบถามก่อนสั่งซื้อเพื่อแนะนำ

หลังจากระบายฝีแล้ว แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณนั้นให้สะอาดและผ้าปิดแผลที่ปราศจากเชื้อ อาจได้รับยาปฏิชีวนะซึ่งกินเวลาหลายวันเพื่อให้แน่ใจว่าแบคทีเรียทั้งหมดถูกกำจัดออกจากร่างกายแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องรับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบตามที่แพทย์สั่ง แม้ว่าจะเริ่มรู้สึกดีขึ้นหลังจากผ่านไป 2-3 วันก็ตาม
 
ในบางกรณี ฝีที่อักเสบอาจไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะหรือเป็นซ้ำแม้จะได้รับการรักษาแล้วก็ตาม ในสถานการณ์เช่นนี้ แพทย์อาจแนะนำขั้นตอนเพิ่มเติม เช่น การกรีดและการระบายน้ำหรือการผ่าตัดเอาฝีออก ขั้นตอนเหล่านี้ทำในโรงพยาบาลและต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวมากกว่าการผ่าตัดแบบธรรมดาและการระบายน้ำ
 
การป้องกันฝีที่อักเสบสามารถทำได้โดยการรักษาสุขอนามัยที่ดีและดูแลบาดแผลหรือบาดแผลทันที ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ โดยเฉพาะก่อนหยิบจับอาหารหรือสัมผัสใบหน้า หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดตัวและมีดโกนร่วมกับผู้อื่น หากมีบาดแผลให้ทำความสะอาดด้วยสบู่และน้ำให้สะอาด ทาครีมฆ่าเชื้อ แล้วปิดด้วยผ้าพันแผล เมื่อมีฝี *ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย และรักษาทางการแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ 



ucore อาหารเสริม ประกอบด้วย สารสกัดจากธรรมชาติ
น้ำมันจมูกข้าว, น้ำมันงา, น้ำมันเมล็ดงาขี้ม่อน, สารสกัดโสม, สารสกัดถั่งเช่า, เห็ดชิตาเกะ, เห็ดยามาบูชิตาเกะ, เห็ดไมตาเกะ, สารสกัดขิง, สารสกัดพลูคาว, สารสกัดเห็ดหลินจือ, เบต้ากลูแคน, โคเอนไซม์ Q10

สอบถามปรึกษาก่อนสั่งซื้ออาหารเสริม เพื่อแนะนำ
LINE: @balances
รายละเอียดอาหารเสริม ucore

4
ไมเกรนเป็นภาวะที่มีอาการปวดหัวบ่อยครั้งและรุนแรงในบางครั้งเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเลือกใช้ชีวิต อาการต่างๆ ได้แก่ ปวดตุบๆ หรือปวดเป็นจังหวะที่ศีรษะด้านใดด้านหนึ่ง ไวต่อแสงและเสียง คลื่นไส้ อาเจียน และอาการอื่นๆ แม้ว่าจะไม่มีวิธีรักษาไมเกรน แต่ยาและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตสามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงได้  อาหารเสริม ucore สอบถามก่อนสั่งซื้อเพื่อแนะนำ

ไมเกรน อาการปวดมักจะเกิดขึ้นที่ด้านใดด้านหนึ่งของศีรษะ แต่อาจเกิดขึ้นที่ทั้งสองข้างหรือทั่วทั้งศีรษะก็ได้

สาเหตุของไมเกรนยังไม่เป็นที่แน่ชัด อาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งความเครียดและการรับประทานอาหาร ปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่เกี่ยวข้องกับอาการไมเกรน:

พันธุกรรม: การวิจัยชี้ให้เห็นว่าผู้ที่เป็นโรคไมเกรนมักจะมีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นโรคไมเกรนด้วย สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงทางพันธุกรรมระหว่างไมเกรนกับยีนหรือการผสมยีนบางอย่าง

ความเครียด: ความเครียดเชื่อมโยงกับกระตุ้นการเกิดไมเกรน แม้ว่าบทบาทที่แท้จริงของความเครียดจะยังไม่ชัดเจน เชื่อว่าเมื่อมีความเครียดในระดับสูง ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรนได้

อาหาร: อาหารบางชนิดสามารถกระตุ้นไมเกรนในบางคน; อาหารเหล่านี้ได้แก่ ชีสบ่ม เนื้อแปรรูป (เช่น ฮอทด็อก) ช็อกโกแลต แอลกอฮอล์ และคาเฟอีน นอกจากนี้ การอดอาหารหรือกินอะไรนานๆ

ฮอร์โมน: ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นไมเกรนมากกว่าผู้ชายเนื่องจากความผันผวนของฮอร์โมนระหว่างมีประจำเดือนห สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าฮอร์โมนมีบทบาทในการกระตุ้นให้เกิด

มีการรักษาที่หลากหลายเพื่อช่วยจัดการกับไมเกรน สิ่งเหล่านี้รวมถึงยา (เช่น ยาแก้ปวดที่แรงขึ้นตามใบสั่งแพทย์) รวมถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เช่น ปรับปรุงนิสัยการนอน หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น (เช่น ความเครียด) ออกกำลังกายเป็นประจำ และฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย (เช่น การฝึกหายใจ) การรักษาเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการไมเกรน *ดังนั้นเมื่อมีอาการควรพบแพทย์ แพทย์วินิจฉัยและทำการรักษา การรักษาทางการแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ


ucore อาหารเสริม ประกอบด้วย สารสกัดจากธรรมชาติ
น้ำมันจมูกข้าว, น้ำมันงา, น้ำมันเมล็ดงาขี้ม่อน, สารสกัดโสม, สารสกัดถั่งเช่า, เห็ดชิตาเกะ, เห็ดยามาบูชิตาเกะ, เห็ดไมตาเกะ, สารสกัดขิง, สารสกัดพลูคาว, สารสกัดเห็ดหลินจือ, เบต้ากลูแคน, โคเอนไซม์ Q10
สอบถามปรึกษาก่อนสั่งซื้ออาหารเสริม เพื่อแนะนำ
LINE: @balances
รายละเอียดอาหารเสริม ucore
เพจ อาหารเสริม Ucore

5
ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ คือภาวะที่ความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับการติดเชื้อ อาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงพันธุกรรม การติดเชื้อ การเลือกวิถีชีวิต และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่แรกเกิด (แต่กำเนิด) หรือเกิดขึ้นภายหลังจากการดำเนินชีวิต

ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ร่างกายจะไม่สามารถหรือมีความสามารถไม่พอต่อสู้กับเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อบ่อยครั้งและรุนแรงซึ่งรักษาได้ยากและอาจต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะในระยะยาว นอกจากนี้ยังอาจทำให้ร่างกายหายจากบาดแผลหรือการบาดเจ็บได้ยากอีกด้วย ในบางกรณี ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจนำไปสู่โรคแพ้ภูมิตัวเอง โดยที่ร่างกายโจมตีเนื้อเยื่อที่มีสุขภาพดีของตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ

อาการภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงสัญญาณที่พบบ่อย ได้แก่ การติดเชื้อซ้ำ เช่น หวัด การติดเชื้อที่หู การติดเชื้อไซนัส โรคปอดบวม และการติดเชื้อที่ผิวหนัง การรักษาล่าช้าหลังจากได้รับบาดเจ็บ มีไข้บ่อยๆ ต่อมน้ำเหลืองบวม ความเหนื่อยล้า ลดน้ำหนัก และหายใจถี่ ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องบางคนจะไม่แสดงอาการใดๆ เลยจนกระทั่งป่วยด้วยการติดเชื้อหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องมีหลายประเภท ภูมิคุ้มกันบกพร่องปฐมภูมิคือความผิดปกติที่สืบทอดมาซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการต่อสู้กับการติดเชื้อเนื่องจากการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมหรือข้อบกพร่องในบางส่วนของระบบภูมิคุ้มกัน ตัวอย่าง ได้แก่ ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรวมอย่างรุนแรง (SCID), กลุ่มอาการ DiGeorge, กลุ่มอาการวิสคอตต์-อัลดริช, โรคเม็ด Granulomatous เรื้อรัง (CGD), กลุ่มอาการ Hyper IgM และกลุ่มอาการอะกามมาโกลบุลินีเมีย X-Linked (XLA) ภูมิคุ้มกันบกพร่องทุติยภูมิเกิดจากอิทธิพลภายนอก เช่น เอชไอวี/เอดส์ ยาเคมีบำบัดที่ใช้รักษามะเร็ง ภาวะทุพโภชนาการ ความเครียดหรือการบาดเจ็บที่รุนแรง การใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน เช่น เพรดนิโซนหรือคอร์ติโซน การดื่มแอลกอฮอล์หรือยาผิดกฎหมาย การได้รับรังสีบำบัด การรักษาโรคมะเร็งหรืออุบัติเหตุทางนิวเคลียร์เช่นเชอร์โนบิล

ความผิดปกติของภูมิคุ้มกันบกพร่องมักได้รับการวินิจฉัยโดยการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับแอนติบอดีในเลือดและเครื่องหมายอื่นๆ ที่บ่งชี้ว่าระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีเพียงใด เครื่องมือวินิจฉัยอื่นๆ ได้แก่ การสแกนด้วยภาพ เช่น เอกซเรย์ และซีทีสแกน ซึ่งอาจใช้ในการตรวจหาสัญญาณของการติดเชื้อหรือการอักเสบในปอดหรืออวัยวะอื่นๆ อาจมีการตรวจชิ้นเนื้อหากจำเป็นเพื่อยืนยันการวินิจฉัย

การรักษาภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริง แต่โดยทั่วไปแล้วจะรวมยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาโรคติดเชื้อใดๆ ยาเช่นการฉีดแกมมาโกลบูลินซึ่งช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เช่น การหลีกเลี่ยงแหล่งเชื้อโรค การเลิกสูบบุหรี่ การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ถูกหลักโภชนาการ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อทั่วไป

การป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจำเป็นต้องมีการติดตามอย่างต่อเนื่องโดยแพทย์ สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ สิ่งสำคัญคือต้องไปพบแพทย์ทันที เพื่อให้สามารถรักษาการติดเชื้อได้ทันท่วงที การพบแพทย์รักษาทางการแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ


ucore อาหารเสริม ประกอบด้วย สารสกัดจากธรรมชาติ
น้ำมันจมูกข้าว, น้ำมันงา, น้ำมันเมล็ดงาขี้ม่อน, สารสกัดโสม, สารสกัดถั่งเช่า, เห็ดชิตาเกะ, เห็ดยามาบูชิตาเกะ, เห็ดไมตาเกะ, สารสกัดขิง, สารสกัดพลูคาว, สารสกัดเห็ดหลินจือ, เบต้ากลูแคน, โคเอนไซม์ Q10
สอบถามปรึกษาก่อนสั่งซื้ออาหารเสริม เพื่อแนะนำ
LINE: @balances
รายละเอียดอาหารเสริม ucore
เพจ อาหารเสริม Ucore

หน้า: [1]