head prakardsod






























































ผู้เขียน หัวข้อ: all new mitsubishi triton 2024: Mitsubishi Triton อาจเป็นรถ Plug-in Hybrid ในโฉม  (อ่าน 190 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 402
    • ดูรายละเอียด
all new mitsubishi triton 2024: Mitsubishi Triton อาจเป็นรถ Plug-in Hybrid ในโฉม
« เมื่อ: วันที่ 27 สิงหาคม 2024, 16:55:03 น. »
all new mitsubishi triton 2024: Mitsubishi Triton อาจเป็นรถ Plug-in Hybrid ในโฉมต่อไป

ภายในงานเปิดตัวครั้งแรกของโลก กับกระบะพันธุ์เข้มอย่าง Mitsubishi Triton ทาง Trevor Mann หัวหน้าใหญ่ของทางมิตซูบิชิได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า คนที่เลือกใช้งานรถกระบะในปัจจุบัน คำนึงถึงเรื่องความคงทนและความคุ้มค่า แต่สำหรับเทคโนโลยี Plug-in Hybrid นั้น ยังไม่สามารถตอบสนองได้ทั้งความคุ้มค่าและความคงทน


แต่ถ้าเป็นในอนาคตช่วงปี 2025 ก็เป็นไปได้ว่าการเอาระบบนี้เข้ามาใช้ในรถกระบะ ก็อาจจะตอบโจทย์ทั้ง 2 ข้อนี้ก็เป็นได้ จากการที่มิตซูบิชิมีรถยนต์ประเภท PHEV จำหน่ายอยู่นั่นคือ Mitsubishi Outlander ทำให้เราได้เห็นว่า ระบบที่เหมาะกับการเอามาใช้ในรถที่มีขนาดใหญ่ และต้องแบกน้ำหนักมากไปด้วยตามการบรรทุก ระบบ Plug-in Hybrid เหมาะสมที่สุดในการใช้งาน มากกว่าแบบ Hybrid หรือ EV

ความเห็นของ Trevor Mann สอดคล้องกับ Vincent Cobee รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ของมิตซูบิชิ ที่ได้บอกว่า การกำหนดค่าไอเสียในยุโรปทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องรีบเร่งพัฒนาระบบพลังงานไฟฟ้า ทั้ง Hybrid, PHEV หรือ EV เข้ามาใส่ในรถของตัวเองให้ได้เร็วที่สุด ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งรถกระบะก็ตาม โดยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้มีการประกาศมาตรฐาน EURO 6.2 ออกมา ทำให้รถ Pajero สปอร์ตได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่จากค่าไอเสียที่เกินมาตรฐาน และเชื่อว่ารถเครื่องยนต์ดีเซลทุกรุ่นก็จะได้รับผลกระทบไปด้วยทุกคัน นี่ยังไม่รวมถึงมาตรฐาน EURO 7 อีก ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่ประกาศใช้ก็ตาม แต่คาดว่าจะประกาศได้ไม่เกินปี 2021 อย่างแน่นอน


Vincent Cobee ยังกล่าวต่ออีกว่า มิตซูบิชิกำลังยึดมั่นในแนวทางนำระบบ Plug-in Hybrid มาใส่ไว้ในรถกระบะอยู่ ซึ่งปัจจุบัน รถ PHEV อย่าง Mitsubishi Outlander ที่จำหน่ายอยู่นั้น สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดในระบบไฟฟ้าอย่างเดียวราว 50 กิโลเมตร ซึ่งเราเองก็กำลังพัฒนาระยะทางให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม โดยตั้งเป้าหมายเอาไว้ที่ประมาณ 80-100 กิโลเมตร เพราะเป็นระยะที่เราเชื่อว่าสามารถรองรับการเดินทางโดยเฉลี่ยต่อวันได้ราว 90-95%